Sunset Over the Mekong River

Sunday, September 30, 2012

A Different Perspective

Recently, we spent a few days across the Gulf of Thailand from our home in Chonburi in a province called Prachaub Kiri Khan.  While we were there we saw a lot of these cactus-like plants growing wild.  The plants are actually not cactus plants at all, but are in a group of succulent plants called Euphorbias.  The plant goes by a variety of names but Malayan spurge is one of the more common names for Euphorbia antiquorum.

Euphorbia antiquorum L. Euphorbiaceae 6

We remember these plants from our days in Haiti where they were a popular plant for fences for a few reasons.  The first reason is that they are a tall and fairly sturdy plant that tolerates what are less than ideal growing conditions for many plants.  But another reason that the plants are popular as fences is that they are covered with lots of thorns and, when cut or broken, exude a milky sap than can be a skin irritant.  You can trim them to whatever height you want and they will just produce more thorny branches.  And the trimmings from the branches can be planted to make even more plants.  When one looks at aerial photographs of the area we used to live in, these ancient fence-lines stand out quite strongly.  We surrounded much of the property we lived on with these plants as well. 

In Thailand, we encountered Malayan spurge along trails where we had to be careful not to bang into them.  As I was avoiding one tree, I noticed that not all creatures have this aversion to close encounters with the plant.  For in one plant I noticed that spiders found the thorns perfectly suitable as anchor points for their webs.  The spines that are sharp-pointed to a large creature like myself are rather dull compared to creatures that are about the same size as they are.

Euphorbia antiquorum L. Euphorbiaceae 2

In life, it is important to remember that we do not all have the same perspective.  It is a good thing to try to see things from another’s point of view.  But even then we need to remember that our human perspective is limited by our humanity.  We don’t know everything about everything.

This is good to remember when we encounter obstacles in our lives.  What may seem like a large or insurmountable problem to us is not to God.  And God’s perspective is the one that really matters.  Even our perspective about our prayers that we pray to God about our problems can be skewed.  I was reminded of this as I was reading in Revelation the other day.  I sometimes think that by praying I am putting a burden upon God. Sometimes I even think, “Why bother God with such a thing?”  But God’s perspective appears to be different.  In Revelation 5:8 (ESV) we read:

And when he had taken the scroll, the four living creatures and the twenty-four elders fell down before the Lamb, each holding a harp, and golden bowls full of incense, which are the prayers of the saints.

Our prayers are compared to incense—something that has a pleasing aroma.  So what I think seems to me is more like a stench, to God it is like a pleasant fragrance.  The things which are a problem for me to deal with are a pleasure for God to deal with.

Two different perspectives.

And God’s is the one that really matters.


Thursday, September 6, 2012

Into the Dark

On this trail that we encountered recently, we noticed that it kind of disappeared around the corner. We weren't sure where it was going, but we were confident that it would at least be an "official" trail because the first part of it was so obviously intentional and maintained.

Typically on the trail of our life, we can't see very far ahead. Perhaps we only see a few feet. But when we look at trail that is in view--either just before or just behind us--and we know that it has been a good trail, then we will be less apt to be afraid of the part we can't see.

And I am sure of this, that he who began a good work in you will bring it to completion at the day of Jesus Christ. (Philippians 1:6 (ESV) )

Saturday, September 1, 2012

ภาชนะดิน


ภาชนะดิน

(คำแบ่งปันในโอกาสลอยกระดูกของคุณแม่   ผมยืนในหนองน้ำต่อหน้าเครือญาติที่ยืนอยู่ที่ริมน้ำ)

(แปลจากภาษาอังกฤษ   สีน้ำตาลไหม้เป็นคำอธิบาย  สีเขียวมาจากพระคัมภีร์: Copyrights ℗ 2007 Hosanna and © 2002 Thailand Bible Society)

ร้องเพลง: พระเจ้ายิ่งใหญ่

ในพระคัมภีร์เปาโลเปรียบเทียบร่างกายของมนุษย์กับภาชนะดินว่า

7 แต่เรามีของล้ำค่านี้อยู่ในภาชนะดิน เพื่อให้เห็นว่า ฤทธิ์เดชอันเลิศนั้นเป็นของพระเจ้า ไม่ได้มาจากตัวเราเอง (2 โครินธ์ 4:7)

ร่างกายของเราเป็นภาชนะชั่วคราว   ภาชนะเหล่านั้นบรรจุจิตของเราแล้ว  ถ้าเราเป็นคริสเตียนมันก็บรรจุพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยตามที่เปาโลเขียนไว้ว่า  ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าพวกท่านเป็นวิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในพวกท่าน?  (1 โครินธ์ 3:16)

(ขณะที่ผมพูดต่อไปผมถือกระถางที่มีกระดูก  ผมค่อยๆ  ทำให้กระถางแตกจนเห็นกระดูกขึ้นมา  และผมก็ลอยกระดูกลงในหนองน้ำ   พูดเสร็จแล้ว  ผมก็ขว้างกระถางในหนองน้ำและร้องว่า   ท่านเป็นอิสระ)

ขณะที่เราดำเนินชีวิตภาชนะของเราถูกทำให้เป็นรอย  ถูกทำให้ร้าว  และถูกอ่อนแอลง   แต่ในระหว่างเวลานั้นจิตของเรามักจะเจริญเติบโตให้แข็งแรงมากขึ้นจมถึงความแข็งแรงของภาชนะไม่พอบรรจุจิตอีกต่อไป   ภาชนะจึงระเบิดออก   จิตก็เลยเป็นอิสระแต่จิตยังอยู่   เขารอคอยวันที่เขาจะได้รับร่างกายใหม่   ร่างกายใหม่นั้นจะมีความแช็งแรงมากร่างกายไหนๆ  ดังนั้นตัวนั้นคงจะอยู่ตลอดไป

เปาโลบรรยายร่างกายเหล่านั้นว่า (1 โครินธ์ 15:42-57)

42 การเป็นขึ้นมาของคนตายก็เหมือนกัน ร่างกายที่ถูกหว่านลงนั้นเสื่อมสลายได้ ร่างกายที่เป็นขึ้นมานั้นไม่เสื่อมสลาย  43 สิ่งที่ถูกหว่านลงนั้นไร้เกียรติ สิ่งที่เป็นขึ้นมานั้นมีศักดิ์ศรี สิ่งที่ถูกหว่านลงนั้นอ่อนกำลัง สิ่งที่เป็นขึ้นมานั้นมีพลัง  44 สิ่งที่ถูกหว่านลงนั้นเป็นกายเนื้อหนัง สิ่งที่เป็นขึ้นมานั้นเป็นกายจิตวิญญาณ ถ้ามีกายเนื้อหนัง กายจิตวิญญาณก็มีด้วย  45 ดังที่เขียนไว้ว่า "มนุษย์~ คนแรกคืออาดัม จึงเป็นผู้มีชีวิต" แต่อาดัมสุดท้ายนั้นเป็นวิญญาณผู้ประทานชีวิต  46 ร่างกายแรกนั้นไม่ใช่เป็นกายจิตวิญญาณ แต่เป็นกายเนื้อหนัง ร่างกายต่อจากนั้นจึงเป็นกายจิตวิญญาณ  47 มนุษย์คนแรกนั้นมาจากดินและเป็นมนุษย์ดิน มนุษย์คนที่สองนั้นมาจากสวรรค์  48 มนุษย์ดินคนนั้นเป็นอย่างไร มนุษย์ดินทั้งหลายก็เป็นอย่างนั้น มนุษย์สวรรค์คนนั้นเป็นอย่างไร มนุษย์สวรรค์ทั้งหลายก็เป็นอย่างนั้น  49 และเช่นเดียวกับที่เรามีลักษณะของมนุษย์ดิน เราก็จะมีลักษณะของมนุษย์สวรรค์  50 พี่น้อง ทั้งหลาย ข้าพเจ้าหมายความว่า เนื้อและเลือดไม่สามารถมีส่วนในอาณาจักรของพระเจ้า และสิ่งที่เสื่อมสลายไม่มีส่วนในสิ่งที่ไม่เสื่อมสลาย  51 นี่แน่ะ ข้าพเจ้ามีความล้ำลึกที่จะบอกกับพวกท่าน คือเราจะไม่ล่วงหลับหมดทุกคน แต่จะถูกเปลี่ยนใหม่ทุกคน  52 ในชั่วขณะ เดียว ในพริบตาเดียว เมื่อเป่าแตรครั้งสุดท้าย เพราะว่าจะมีการเป่าแตร และพวกที่ตายแล้วจะถูกทำให้เป็นขึ้นโดยปราศจากความเสื่อมสลาย แล้วเราจะถูกเปลี่ยนใหม่  53 เพราะว่าสิ่งที่เสื่อมสลายได้นี้ต้องสวมด้วยสิ่งที่เสื่อมสลายไม่ได้ และสภาพที่ต้องตายนี้ต้องสวมด้วยสภาพที่ไม่ตาย  54 เมื่อสิ่ง ที่เสื่อมสลายได้นี้สวมด้วยสิ่งที่เสื่อมสลายไม่ได้และสภาพที่ต้องตายนี้สวม ด้วยสภาพที่ไม่ตาย เมื่อนั้นพระวจนะที่เขียนไว้จะสำเร็จว่า "ความตายก็ถูกกลืนเข้าในชัยชนะแล้ว  55 โอ ความตาย ชัยชนะของเจ้าอยู่ที่ไหน?~ โอ ความตาย เหล็กในของเจ้าอยู่ที่ไหน?"  56 เหล็กในของความตายนั้นคือบาป และอำนาจของบาปคือธรรมบัญญัติ  57 สาธุการแด่พระเจ้า ผู้ประทานชัยชนะแก่เรา โดยพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
ร้องเพลง: พระคุณพระเจ้า

66 ปีที่แล้วคุณพ่อซื้อที่ดินนี้   เขาอยากมีที่ดินแบบนี้เพื่อทุกคนจะได้มาเห็นความสวยของสรรพสิ่งของพระเจ้า   แต่ความสวยของที่ดินนี้สู้ความสวยของสวรรค์ไม่ได้   แม้แต่สรรพสิ่งรอคอยวันที่มันจะเป็นอิสระ

ข้าพเจ้าเห็นว่าความทุกข์ลำบากแห่งสมัยปัจจุบัน ไม่ควรจะเอาไปเปรียบกับศักดิ์ศรีซึ่งจะเผยให้แก่เราในอนาคต  19 เพราะสรรพสิ่งที่ทรงสร้างแล้ว คอยด้วยความปรารถนาอย่างยิ่งให้บุตรทั้งหลายของพระเจ้าปรากฏ  20 เพราะว่าสรรพสิ่งเหล่านั้นต้องเข้าอยู่ในอำนาจของอนิจจัง ไม่ใช่ตามใจชอบของตนเอง แต่เป็นไปตามที่พระเจ้าได้ทรงให้เข้าอยู่นั้น  21 ด้วยมีความหวังว่า สรรพสิ่งเหล่านั้นจะได้รอดจากอำนาจแห่งความเสื่อมสลาย และจะเข้าในเสรีภาพและศักดิ์ศรีแห่งลูกๆ ของพระเจ้า  22 เรารู้อยู่ว่าสรรพสิ่งที่ทรงสร้างทั้งหมดนั้นกำลังคร่ำครวญด้วยกัน และเจ็บปวดแบบหญิงคลอดลูกมาจนทุกวันนี้  23 และไม่ใช่ เท่านั้น แต่เราเองด้วย ผู้ได้รับพระวิญญาณเป็นผลแรก ตัวเราเองก็ยังคร่ำครวญคอยการที่พระเจ้าจะทรงให้มีฐานะเป็นบุตร คือที่จะทรงไถ่กายของเรา  (โรม 8:18-23)

ถึงแม้ว่ากล่องนี้บรรจุกระดูกของภาชนะดินของคุณแม่   มันก็บรรจุคุณแม่ไม่ได้   คุณแม่เป็นอิสระแล้ว   เธอไม่ได้ติดกับร่างกายเนื้อหนังอีกต่อไป
เราจึงเฉลิมฉลองความเป็นอิสระของคุณแม่และคาดหวังวันที่สรรพสิ่งจะเป็นอิสระ   ขณะที่เราลอยกระดูกร้องว่า  คุณแม่เป็นอิสระ